วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj <p>วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ <strong>ISSN 2773-8949</strong> มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ผลงานทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ในสาขาสังคมศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และพุทธศาตร์ ของนักศึกษาและนักวิชาการทั้งจากภายในและภายนอกหน่วยงาน</p> th-TH <p><em>บทความที่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและเผยแผ่ในวารสารฉบับนี้ เป็นทัศนคติและข้อคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือว่าเป็นทัศนะคติและความรับผิดชอบ</em><br /><em>ของบรรณาธิการ</em></p> <p><em> บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ ก่อนเท่านั้น</em></p> chakgrit.po@hotmail.com (ผศ.ดร. จักรกฤษณ์ โพดาพล) thanawat.ch@mbu.ac.th (ธนวัฒน์ ชาวโพธิ์) Tue, 31 Dec 2024 08:57:33 +0000 OJS 3.3.0.6 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ผลการใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนนครนายกวิทยาคม https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/294 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน (2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนนครนายกวิทยาคม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 40 คน โดยมาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยการจับสลาก เครื่องมือ&nbsp;&nbsp; ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps &nbsp;เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ (2) เกมกระดาน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน โดยสถิติเชิงบรรยาย ประกอบด้วยค่าเฉลี่ยคะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ โดยเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ โดยใช้สถิติ t-test แบบ Dependent และวิเคราะห์ความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานกระดาน โดยสถิติเชิงบรรยาย ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า (1) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานอยู่ในระดับมากที่สุด</p> กมลลักษณ์ นวลสนอง, กิตติศักดิ์ ลักษณา Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/294 Tue, 31 Dec 2024 00:00:00 +0000 การจัดการเรียนรู้รายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย เพื่อพัฒนาความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทยและทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/295 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย <br>2) เปรียบเทียบทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 &nbsp;ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนแห่งหนึ่ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2&nbsp; จำนวน 1 ห้อง มีนักเรียนจำนวน 38 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 จำนวน 3 แผน 2) แบบทดสอบวัดความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทย จำนวน 20 ข้อ 3) แบบประเมินทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น จำนวน 5 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 12 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย&nbsp; ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติ t-test for dependent samples</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนมีความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทย หลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 2) นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น หลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย อยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.86, S.D.=0.34)</p> ชนิญญาดา มีสุขมาก, ชิดชไม วิสุตกุล Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/295 Tue, 31 Dec 2024 00:00:00 +0000 แนวทางการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจร ในเขตเทศบาลเมืองเลย https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/296 <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจรในเขตเทศบาลเมืองเลย เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้การสนทนากลุ่ม โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้นำชุมชน รวมทั้งสิ้นจำนวน 12 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิจัยพบว่า แนวทางการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจรในเขตเทศบาลเมืองเลย ประกอบไปด้วย 1) การบริหารงานแบบมีส่วนร่วม โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากชุมชน ส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทสำคัญในการจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนตนเอง 2) การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการสนับสนุนงบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ และระบบช่วยเหลือการจัดการขยะมูลฝอย จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน 3) การรับรู้ข้อมูล โดยการที่ประชาชนในชุมชนได้รับความรู้ ข่าวสาร ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจร ทั้งจากสื่อบุคคล สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 4) วัฒนธรรมชุมชน โดยการสร้างวิถีปฏิบัติ ความรู้และความเชื่อที่ถูกต้องในการจัดการขยะมูลฝอยในชุมชน ตลอดจนปลูกจิตสำนึกรักษ์ชุมชนให้แก่ประชาชนในชุมชน และ 5) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยการพัฒนาผู้นำชุมชนให้มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริหารจัดการขยะของผู้คนในชุมชน เพื่อให้เกิดรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจร รวมถึงการพัฒนาความสามารถและศักยภาพของประชาชนในชุมชนให้ไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป</p> วีระยุทธ รัชตเวชกุล Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/296 Tue, 31 Dec 2024 00:00:00 +0000