วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj <p>วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ <strong>ISSN 2773-8949</strong> มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ผลงานทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ในสาขาสังคมศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และพุทธศาตร์ ของนักศึกษาและนักวิชาการทั้งจากภายในและภายนอกหน่วยงาน</p> th-TH <p><em>บทความที่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและเผยแผ่ในวารสารฉบับนี้ เป็นทัศนคติและข้อคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือว่าเป็นทัศนะคติและความรับผิดชอบ</em><br /><em>ของบรรณาธิการ</em></p> <p><em> บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ ก่อนเท่านั้น</em></p> chakgrit.po@hotmail.com (ผศ.ดร. จักรกฤษณ์ โพดาพล) thanawat.ch@mbu.ac.th (ธนวัฒน์ ชาวโพธิ์) Tue, 31 Dec 2024 08:57:33 +0000 OJS 3.3.0.6 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 พุทธิปัญญา: พระพุทธศาสนากับสันติภาพโลก https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/285 <p>ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมยุคปัจจุบันนี้ มีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น เกิดจากเรื่องแบ่งแยกดินแดนหรือภูมิรัฐศาสตร์ และอคติทางศาสนา วิถีแห่งสันติภาพ จะต้องมีการสร้างพื้นที่พูดคุยอย่างสร้างสรรค์ &nbsp;การเจรจา การไกล่เกลี่ย การประนีประนอม มิให้อคตินำไปสู่ความรุนแรง เพราะสันติภาพเป็นสถาวะการณ์ &nbsp;ในอุดมคติที่ทุกคนต่างมุ่งหวังให้มวลมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและสันติ พุทธิปัญญา ปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ทรงวางหลักจักร 4 เป็นหลักธรรมที่นำบุคคลไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ดุจล้อรถนำไปสู่ที่หมาย เป็นกงล้อแห่งการพัฒนา นำผู้ประพฤติปฏิบัติตามให้ถึงความเป็นใหญ่ ถึงความไพบูลย์มั่งคั่งด้วยโภคทรัพย์และความสุข กล่าวคือ สันติสุข อนึ่ง พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ เป็นพื้นฐานของความก้าวหน้า ความสุข และความงอกงาม หล่อหลอมให้เป็นคนรักสันติ รักอิสรเสรี มีนิสัยโอบอ้อมอารี มีเมตตากรุณาต่อกัน ที่เผยแผ่สู่ชาวโลกด้วยความสงบ พระพุทธเจ้าพร่ำสอนให้มวลมนุษย์เพียรปฏิบัติ โดยแนะแนวทางการดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของคำสอน อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและสันติภาพในโลก ศาสนาทุกศาสนาในโลก ล้วนมีหลักธรรมที่ใช้ในการดำรงชีวิต มีกิจกรรมทางศาสนา มีจิตเมตตา มีความรักเพื่อนมนุษย์ ไม่เบียดเบียนกัน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี ของแต่ละศาสนา มีการรวมกลุ่มกันอย่างเป็นเอกภาพ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีความอดทนอดกลั้น มีสัมมาคารวะ รักกันฉันพี่น้อง เป็นมิตรที่ดีต่อกัน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติและศาสนา ก่อให้เกิดสันติสุขในระดับประเทศและโลกในที่สุด</p> ศิรวัฒน์ ครองบุญ, วิระยา พิมพ์พันธ์ Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/285 Tue, 31 Dec 2024 00:00:00 +0000 ผลการใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนนครนายกวิทยาคม https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/294 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน (2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนนครนายกวิทยาคม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 40 คน โดยมาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยการจับสลาก เครื่องมือ&nbsp;&nbsp; ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps &nbsp;เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ (2) เกมกระดาน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดาน โดยสถิติเชิงบรรยาย ประกอบด้วยค่าเฉลี่ยคะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ โดยเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ โดยใช้สถิติ t-test แบบ Dependent และวิเคราะห์ความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานกระดาน โดยสถิติเชิงบรรยาย ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า (1) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับเกมกระดานอยู่ในระดับมากที่สุด</p> กมลลักษณ์ นวลสนอง, กิตติศักดิ์ ลักษณา Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/294 Tue, 31 Dec 2024 00:00:00 +0000 การจัดการเรียนรู้รายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย เพื่อพัฒนาความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทยและทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/295 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย <br>2) เปรียบเทียบทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 &nbsp;ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนแห่งหนึ่ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2&nbsp; จำนวน 1 ห้อง มีนักเรียนจำนวน 38 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 จำนวน 3 แผน 2) แบบทดสอบวัดความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทย จำนวน 20 ข้อ 3) แบบประเมินทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น จำนวน 5 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 12 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย&nbsp; ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติ t-test for dependent samples</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนมีความรู้ในการอ่านโน้ตดนตรีไทย หลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 2) นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น หลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะพื้นฐานดนตรี 2 ตามแนวคิดโคดาย อยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.86, S.D.=0.34)</p> ชนิญญาดา มีสุขมาก, ชิดชไม วิสุตกุล Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/295 Tue, 31 Dec 2024 00:00:00 +0000 แนวทางการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจร ในเขตเทศบาลเมืองเลย https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/296 <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจรในเขตเทศบาลเมืองเลย เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้การสนทนากลุ่ม โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้นำชุมชน รวมทั้งสิ้นจำนวน 12 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิจัยพบว่า แนวทางการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจรในเขตเทศบาลเมืองเลย ประกอบไปด้วย 1) การบริหารงานแบบมีส่วนร่วม โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากชุมชน ส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทสำคัญในการจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนตนเอง 2) การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการสนับสนุนงบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ และระบบช่วยเหลือการจัดการขยะมูลฝอย จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน 3) การรับรู้ข้อมูล โดยการที่ประชาชนในชุมชนได้รับความรู้ ข่าวสาร ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจร ทั้งจากสื่อบุคคล สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 4) วัฒนธรรมชุมชน โดยการสร้างวิถีปฏิบัติ ความรู้และความเชื่อที่ถูกต้องในการจัดการขยะมูลฝอยในชุมชน ตลอดจนปลูกจิตสำนึกรักษ์ชุมชนให้แก่ประชาชนในชุมชน และ 5) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยการพัฒนาผู้นำชุมชนให้มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริหารจัดการขยะของผู้คนในชุมชน เพื่อให้เกิดรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนอย่างครบวงจร รวมถึงการพัฒนาความสามารถและศักยภาพของประชาชนในชุมชนให้ไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป</p> วีระยุทธ รัชตเวชกุล Copyright (c) 2024 วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/issj/article/view/296 Tue, 31 Dec 2024 00:00:00 +0000